ขนมต้ม เป็นขนมประจำงานประเพณีชักพระ ที่มีความเป็นมาอันยาวนาน จากพุทธตำนาน ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนได้รับทราบกำหนดการเสด็จกลับของพระพุทธองค์ จึงได้มารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น พร้อมกับเตรียมภัตตาหารไปถวายด้วย แต่เนื่องจากพุทธศาสนิกชนที่มารอรับเสด็จมีจำนวนมาก จึงไม่สามารถจะเข้าไปถวายภัตตาหารถึงพระพุทธองค์ได้ทั่วทุกคน จึงจำเป็นต้องเอาภัตตาหารห่อใบไม้ส่งต่อๆกันเข้าไปถวาย ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปมาก ๆ จะส่งต่อก็ไม่ทันใจ จึงใช้วิธีห่อภัตตาหารด้วยใบไม้แล้วโยนไปใส่บาตรบ้าง
ชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวใต้ ได้นำเหตุการณ์ดังกล่าวมาประยุกต์และคิดค้นรูปแบบของขนมที่สอดคล้องกับพุทธประวัติตอนดังกล่าวขึ้น เรียกว่า "ขนมต้ม" ลักษณะการทำจะใช้ข้าวเหนียวผัดกับน้ำกะทิ เกลือ น้ำตาล ผัดให้น้ำกะทิแห้ง แล้วนำไปห่อด้วยยอดใบกระพ้อเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างมิดชิดก่อนนำไปต้มหรือนึ่งจนสุก บางแห่งเรียกขนมต้มนี้ว่า "ข้าวต้มลูกโยน"
วัตถุประสงค์ของการทำขนมต้ม เพื่อทำบุญเรือพระ ถวายแด่พระสงฆ์ และแจกจ่ายให้แก่คนลากพระและเพื่อนบ้าน ซึ่งนับเป็นการทำบุญและทำทานไปในคราวเดียวกัน
ภูมิปัญญาขนมต้มในพิธีลากพระ นอกจากเป็นขนมที่มีรสชาติหวานและอร่อยแล้ว ยังสื่อถึงความเชื่อที่เชื่อมโยงกับการขอพร การบูชาความศักดิ์สิทธิ์และเสริมสร้างความโชคดี ขนมต้มเป็นการเชื่อมโยงทางจิตใจให้กับผู้คนในชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการรักษาประเพณีที่มีความหมายในท้องถิ่น
เลขที่ : ต. ท่าดี อ. ลานสกา จ. นครศรีธรรมราช 80230
- พิไลลักษณ์ กำจรฤทธิ์
- ขวัญตา หนูปล้อง : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช : 2566 Festival
-